ด้านหน้า และ ด้านหลัง ของคนญี่ปุ่น

Japan and culture, Japanese is fun, ความสวยงามของดอกไม้, ชีวิตในญี่ปุ่น, ดอกไม้, วัฒนธรรม ความเชื่อ

24-08-2011

ด้านหน้า และ ด้านหลัง ของคนญี่ปุ่น

สวัสดีค่ะ นักเรียนโรงเรียนเด็กวัดปรียาทุกคน

ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาแสวงหาความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับญี่ปุ่นและเรื่องต่างๆที่ดิฉันคิดว่าน่าสนใจ ก็จะพยายามสละเวลามาโพสให้อ่านกัน ใน โรงเรียนเด็กวัดปรียา หรือ เทะระโคะยะ

เขียนโดย ปรียา อิงคาภิรมย์

ขออนุญาตเอาความคิดเห็นที่นักเรียนในเว็บไซด์ของโรงเรียนเด็กวัดปรียา และอีเมลที่เขียนมาถามส่วนตัวหลายคน เพราะไม่เข้าใจ และอาจจะงงกับการแสดงออกของคนญี่ปุ่น

ดิฉันขอนำเอาเนื้อหาที่เขียนใน “ญี่ปุ่น: บทเรียนหลังคราบน้ำตา”  ในเรื่องหน้ากากทางสังคมของคนญี่ปุ่นมาให้อ่านกัน

ในภาษาญี่ปุ่น คำว่า โอะโมะเตะ 表  “กาย หรือภายนอก” และ คำว่า อุระ 裏  คือ “ใจ หรือ ด้านหลัง”

ถ้าเป็นภาษาบ้านเรา ก็คงจะใช้ คำว่า “ภายนอกหรือ ด้านนอก ”แทนคำว่า “โอะโมะเตะ”  ในภาษาญี่ปุ่น

ทำไมถึงเลือกใช้คำนี้เพราะคิดว่า คำว่า “โอะโมะเตะ ”หรือ ด้านนอก” นั้น เป็นสิ่งที่เรา เป็นคนทำให้คนอื่นเห็นได้ ด้วยตัวเราเอง เช่น เวลาโศกเศร้า หรือ จิตใจเจ็บปวดเพียงใด  เราสามารถกำหนด  表  “กาย หรือภายนอก” ของเราให้คนภายนอกเห็นได้ว่า เราไม่ได้รู้สึกอย่างที่ข้างในหรือภายในจิตใจรู้สึก ก็คงไม่ต่างกับ การใส่หน้ากากเพื่อไม่ให้เห็นหน้าที่แท้จริง

125087

ใบหน้าที่สวยงามของดอกไม้

ส่วนคำว่า “อุระ”หรือ “จิตใจหรือด้านหลัง”หรือ “เบื้องหลัง”(ไม่ได้หมายถึง แผ่นหลังของคนเรา)  แต่เป็นด้านภายในจิตใจของเรา  เพราะ จิตใจ ที่อยู่ด้านหลัง ก็สามารถควบคุม จิตใจ และปล่อยความรู้สึก แสดงออกมา ทาง”กาย” ให้คนเห็น ตามที่ทุกคน

เห็นแสดงความรู้สึกภายนอกออกมา

     คนญี่ปุ่นหลังเกิดเหตุการณ์วิกฤติอย่างรุนแรง คนทั่วโลกประหลาดใจมากว่า คนญี่ปุ่นเสียใจและเศร้าใจอย่างมาก แต่ทำไมจึง นิ่งและ จิตใจเข้มแข็ง สามารถ เก็บความรู้สึกจริงๆ ไม่ให้แสดงออกมา ทางกาย หรือ ภายนอก ให้ทั่วโลกเห็น โดยที่ควบคุมอารมณ์ความรู้สึกได้ โดยไม่แสดงความ ตกใจ ตื่นตระหนก โวยวาย หรือ บ้าคลั่งจนเกินไป

ธาตุแท้ของคนญี่ปุ่นที่คนควรเอาเป็นตัวอย่าง

… “อุระ”หรือ “ด้านหลัง”ของคนญี่ปุ่น เป็นเรื่องสำคัญ แม้แต่เวลาที่จัดดอกไม้ญี่ปุ่น ครูญี่ปุ่นจะบอกเสมอว่า ขอให้หา “ใบหน้า” ของดอกไม้ให้เจอ

พูดง่ายๆก็คือ แม้แต่ดอกไม้ ก็มี “ด้านหน้า”ของดอกไม้ ซึ่งเป็นความสวยงาม ที่ใครๆก็อยากชม  ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเข้าใจว่า ดอกไม้ก็มี “ด้านหลัง” หรือ อุระ ด้านหลังของดอกไม้ก็มีความสำคัญ เพราะถ้าดูให้ดี จะเห็นว่า ความสวยงามของดอกไม้ ด้านหน้าและด้านหลัง แตกต่างกัน

เราจึงต้องแยกให้ออกว่า อะไร คือ โอะโมะเตะ “ด้านหน้า” และ อะไร คือ อุระ “ด้านหลัง” ความสำคัญที่ต้องรู้จักแยกให้ออก หมายความว่า คนนั้น เป็นคนที่แยกความแตกต่างระหว่าง ด้านหน้าและด้านหลังออก ถ้าคนๆนั้นแยก ด้านหน้า และด้านหลัง ไม่ออก  เวลาที่สมาคมกับคนอื่น ก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาได้

แต่โดยทั่วไป คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะรู้ว่า เมื่ออยู่ในสาธารณะชน เมื่อไร จึงจะใช้ โอะโมะเตะ “ด้านหน้า”  และเมื่อไรจึงจะใช้ อุระ  “ด้านหลัง”ได้

เรื่อง “ด้านหน้า”และ “ด้านหลัง” ดิฉันมีเขียนในหนังสือในหัวข้อเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น เช่น จากประสบการณ์การเรียนจัดดอกไม้กับครูสอนจัดดอกไม้

ครูสอนจัดดอกไม้สอนให้ดิฉัน หา ใบหน้า ของดอกไม้ให้ได้นั้น ก่อนที่จะลงมือจัดดอกไม้  ทำให้ดิฉันเห็นความสำคัญของดอกไม้ เพราะบางครั้ง เราอาจจะนึกว่า ดอกไม้ก็เป็นดอกไม้ ไม่มีอะไรแตกต่างกัน

แต่พอดิฉันจัดดอกไม้เสร็จ ครูจะถามว่า  ใบหน้า ของดอกไม้อยู่ที่ไหน  ถ้าดอกไม้ที่จัดมา ดิฉันหาใบหน้าของดอกไม้ไม่เจอ ครูก็จะให้รื้อจัดดอกไม้ใหม่ จนกว่าจะหา “ใบหน้า”ของดอกไม้เจอ  ตอนแรกดิฉันไม่เคยสนใจหรือรู้ว่าดอกไม้มี ใบหน้า และมีความสำคัญ พอครูบอกก็พยายามสังเกต และหา ใบหน้าดอกไม้ ให้เจอ กว่าจะหาใบหน้าดอกไม้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย

ทำให้ดิฉัน คิดถึงสำนวน โอะโมะเตะ “ด้านหน้า” และ อุระ “ ด้านหลัง” ของคนญี่ปุ่น เพราะว่า คนที่จะเข้าสังคมในญี่ปุ่นได้ ต้องรู้จักทำตัวให้ถูกต้อง คือ “ด้านหน้า”ซึ่งก็คือ สิ่งที่เราต้องการให้คนเห็น

ส่วน อุระ “ด้านหลัง”คือ ส่วนที่เราอยากเก็บไว้เป็นส่วนตัว ในส่วนลึกของหัวใจ ไม่ต้องการที่จะเปิดเผย หรือ บางครั้งถ้าถูกล่วงล้ำ หรือมีคนล้ำเส้น เข้ามาซอกแซกถาม เราจะรู้สึกถูกล่วงล้ำ “ความเป็นส่วนตัว” หรือความรู้สึกส่วนลึกที่ไม่อยากให้คนเห็น หรือ รับรู้ เมื่อเมื่อถูกคนล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว หรือล้ำเส้น จะทำให้เราไม่สบายใจ และขุ่นเคืองใจก็ได้ เช่น เรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากให้คนมายุ่มย่าม หรือเรื่องส่วนตัวที่เราพอใจที่จะเก็บไว้ในใจ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกทั้งดีหรือไม่ดี ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องการให้คนรู้ ผิ  ดกับในอเมริกา ทันทีที่ทักทายและรู้จักกัน หรือเพิ่งเจอหน้ากัน ยังไม่ทันรู้จักบางคนจะเล่าเรื่องส่วนตัวหมดเปลือกเลยก็มีไม่น้อย

เรื่องหน้า ของคนไทย

   สำหรับเรื่อง “หน้า ” ของคนไทย เป็นเรื่องที่คนญี่ปุ่นเขียนมากมายเกี่ยวกับคนไทยว่า คนไทย ถือเรื่อง หน้า อย่างมาก แต่เวลา คอร์รัปชั่น กลับไม่มีความอาย และ หน้า ของคนไทย ที่ละเอียดอ่อนมากอีกอย่าง ที่คนญี่ปุ่น รู้กันดี ก็คือ ใครจะว่ากล่าว ตักเตือน หรือ กระทบกระทั่ง หน้า ของคนไทยแม้แต่น้อยไม่ได้ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ จะมีปฏิกิริยารุนแรง รับไม่ได้ เช่น เวลาที่พนักงาน หรือใครทำอะไรไม่ถูกต้อง แล้วโดนหัวหน้าญี่ปุ่นว่ากล่าวตักเตือน วันรุ่งขึ้น มีแนวโน้มสูงมากที่พนักงานที่ถูกตักเตือนจะลางาน ไม่ไปทำงาน หรือไม่ก็ลาออกดื้อๆ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยมาก

คนญี่ปุ่นจึงมองว่า คนไทยส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีความอดทน ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่สู้งาน เอาแต่ใจตัวเอง ชอบความสบาย และ หน้าบาง ทั้งที่ทำผิดก็ว่ากล่าวตักเตือนไม่ได้  เพราะคนไทยส่วนใหญ่ จะกลัวหน้าแตก และกลัวเสียหน้าอย่างมาก เช่น  เวลาฟังอะไรไม่เข้าใจก็ค่อยไม่กล้าถาม เป็นวัฒนธรรมไทย แทนที่จะเป็นของดี แต่บางครั้งก็ไม่ดี เช่น นักเรียนเรียนหนังสือในห้องเรียนไม่เข้าใจก็ไม่กล้าถาม ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น เพราะกลัวผิด กลัวหน้าแตก กลัวเพื่อนในห้องหัวเราะเยาะ เป็นวัฒนธรรมที่คนสร้างกันขึ้นมาผิดๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง

 

Kampai  https://www.youtube.com/watch?v=OSDSbO427cY

Leave a Reply